เช็กเลย ร้านค้าที่สามารถใช้ "K Pay Later"

บริการสินเชื่อ K Pay Later จากธนาคารกสิกรไทย สินเชื่อเพื่อไว้ผ่อนสินค้า/บริการและนำไปสแกนใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จะมีร้านค้าไหนบ้างที่สามารถใช้ K Pay Later ได้ ร้านค้าชั้นนำที่พวกเราใช้กันเป็นประจำจะสามารถใช้ K Pay Later จ่ายได้หรือไม่มาดูกันครับ

สินเชื่อ K Pay Later บนแอปฯ K PLUS สามารถนำไปสแกนใช้จ่ายได้ครอบคลุมทุกร้านที่มี QR Code แมวปิ๊บจัง หรือมีเครื่องรูดบัตร (EDC) ของธนาคารกสิกรไทยโดยร้านนั้นจะต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลด้วยนะครับ ซึ่งร้านค้าชั้นนำต่าง ๆ ที่เข้าร่วมกับ K Pay Later มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้าง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านสินค้า IT และเครื่องใช้ไฟฟ้า, ร้านผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ/ความงาม, โรงพยาบาล/คลินิกเสริมความงาม, ร้านขายยา, ร้านอุปกรณ์และเสื้อผ้ากีฬา, ร้านวัสดุก่อสร้าง และเฟอร์นิเจอร์, ร้านหนังสือและร้านเครื่องเขียน, ร้านสินค้าเบ็ดเตล็ด, ร้านสินค้าแฟชั่น ไปจนถึง ร้านขายอะไหล่รถยนต์และซ่อมบำรุง

นอกจากนั้นแล้ววิธีการสมัคร K Pay Later จะต้องสมัครอย่างไร รอการอนุมัตินานไหม ติดตามอ่านต่อกันเลยครับ

รวม 68 ร้านค้าชั้นนำที่สามารถใช้ K Pay Later ได้

บริการสินเชื่อหมุนเวียนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน K Pay Later จาก ธนาคารกสิกรไทยครอบคลุมทุก ๆ ร้านค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และมี QR Code แมวปิ๊บจัง หรือมีเครื่องรูดบัตร (EDC) ของธนาคารกสิกรไทยครับ

ซึ่งจะรวมถึงร้านค้าชั้นนำ 68 ร้าน ที่พวกเราซื้อสินค้าและใช้บริการกันอยู่เป็นประจำด้วยครับ ดังนี้

ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ

Central
Robinson
Bic C
Siam Takashimaya
ตั้งฮั่วเส็ง
CJ More
CJ Supermarket
CJ Express
LAWSON
Lemon Farm
MAX Value
TOPS
TOPS Daily
Family Mart
ไทย ฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต

ส่วนห้างอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อด้านบน หากมีร้านค้าภายในห้างที่มี QR Code แมวปิ๊บจัง หรือมีเครื่องรูดบัตร (EDC) ของธนาคารกสิกรไทย และจดทะเบียนนิติบุคคล ก็สามารถใช้ K Pay Later ได้นะครับ ยกตัวอย่างเช่น ร้าน Boots ภายในห้างเทสโก้โลตัส ก็สามารถใช้ได้เช่นกันครับ แต่ในส่วนซูเปอร์มาร์เก็ตของห้างเทสโก้โลตัส จะยังไม่สามารถใช้งาน K Pay Later ได้ครับ

สินค้า IT และเครื่องใช้ไฟฟ้า

BANANA IT
COM7
iCare
iStudio
IT City
JIB
Kingkong Phone
Power Buy
Studio 7
Xiaomi
Jaymart
TG FONE
AMORN ELECTRONIC
Advice

ร้านขายผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ/ความงาม, โรงพยาบาล/คลินิกเสริมความงาม และร้านขายยา

SEPHORA
Booths
มัทสึโมโตะ
P&F
SAVE DRUG
ร้านขายยากรุงเทพ
BaanSuan Massage บริการนวดเพื่อสุขภาพ
พรเกษม คลินิก
แพน คลินิก
ราชเทวี คลินิก
โรงพยาบาลยันฮี
Trust Clinic (คลินิกทำฟัน)

ร้านแว่น

KT OPTIC (แว่น กรุงไทย)
OWNDAYS
แว่นท็อปเจริญ

ร้านขายอุปกรณ์และเสื้อผ้ากีฬา

Super Sport
Sportsworld
Under Armour (เมืองทอง)

ร้านขายวัสดุก่อสร้าง และเฟอร์นิเจอร์

ไทวัสดุ
Do Home
บุญถาวร
Global House
IKEA

ร้านขายหนังสือ และร้านเครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน

SE-ED Book Center
นายอินทร์
Officemate

ร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด

Daiso
MINISO
Mr. DIY

ร้านสินค้าแฟชั่น

Nike
Pomelo
MC Shop
Mango
Adidas (สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต)
PUMA

ร้านขายอะไหล่รถยนต์และซ่อมบำรุง

BRIDGESTONE
B Quik

ไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

SF Cinema
Toys R Us (ร้านขายของเล่น)

โดยการใช้บริการ K Pay Later สามารถใช้สแกนซื้อ/ผ่อนจ่ายขั้นต่ำเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 50 บาทเลยครับ ถือว่าเป็นสินเชื่อหมุนเวียนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันจริง ๆ จะเข้าร้านสะดวกซื้อ ซื้อของไม่กี่ชิ้นก็สามารถจ่ายด้วย K Pay Later ได้หมดเลย

วิธีการสมัคร K Pay Later

วิธีการสมัครไม่ยุ่งยาก หากใช้บริการแอปฯ K PLUS และมีบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารกสิกรไทยก็สบายมาก สามารถทำได้ภายใน 5 ขั้นตอน

Log in เข้าไปที่แอปฯ K PLUS แล้วกดเลือกเมนู “สินเชื่อ” และเลือก “K Pay Later”
ใส่รหัสผ่าน และกด “ยินยอม” จากนั้นถ่ายรูปใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน
กรอกข้อมูลในการสมัครให้ครบถ้วน และเลือก “บัญชีชำระสินเชื่อ” (เพื่อให้เป็นบัญชีไว้หักอัตโนมัติตามรอบครบกำหนดชำระ) และกด “ต่อไป”
ระบบจะสรุปวงเงินสินเชื่อเบื้องต้นมาให้เราว่าจะได้วงเงินและอัตราดอกเบี้ยคิดอยู่ที่เท่าไหร่ หากตกลงให้ตามนั้นให้กด “ตกลงรับสินเชื่อ”
รอผลการอนุมัติ โดยสามารถอนุมัติเร็วที่สุดภายใน 3 นาทีเลยครับ หากผ่านแล้ว ก็สามารถนำไปสแกนซื้อ/ผ่อนสินค้าได้เลยทันที

ทั้งนี้จะต้องเคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน (Dip Chip) กับธนาคารมาก่อนนะครับถึงจะสมัครใช้ K Pay Later ได้ หากใครยังไม่เคย Dip Chip สามารถไปทำได้ที่ตู้ ATM ที่มีสติกเกอร์ K CHECK ID หรือที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาได้เลย

แม้จะสมัครง่าย และสามารถนำไปใช้จ่ายได้ครอบคลุมหลายร้าน แต่ก็อย่าลืมว่าทุกการใช้จ่ายมีการคิดดอกเบี้ยนะครับ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของ K Pay Later สูงสุดจะไม่เกิน 25% ต่อปี เรียกได้ว่าดอกแบบแพงอยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเลือกใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นจะดีที่สุดครับ